Go to content

จะลดน้ำตาล เลือกสารให้ความหวาน แบบไหนดีกว่ากัน

การลดความหวานในผู้ลดน้ำหนัก, ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจึงะเป็นทางเลือก แต่จะเลือกชนิดไหนดีมาดูกัน

เลือกสารให้ความหวาน แบบไหนดีกว่ากัน

ความจริงแล้วกลุ่มคนที่จำเป็นต้องใช้สารให้ความหวานโดยตรงก็คือกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล แต่ในปัจจุบันสารให้ความหวานยังใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้รักสุขภาพ ควบคุมน้ำหนัก และดูแลรูปร่างอีกด้วย เนื่องจากใครๆก็บอกว่าจะลดน้ำหนักควบคุมน้ำหนักจะต้องลดการทานหวาน ลดทานน้ำตาล แต่จะทำอย่างไรมื้อเรายังชอบรสหวานๆอยู่ จึงทำให้เกิดการผลิตสารให้ความหวานขึ้นมาทดแทนน้ำตาลจริงๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เสพความหวาน โดยการสกัดทางเคมี และ ทดแทนด้วยสมุนไพร วันนี้เราจำแนกสารให้ความหวานที่ถือว่านิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และได้รับความนิยมกันอยู่ในปัจจุบัน

แอสปาแตม

เป็นน้ำตาลเทียมที่ทำจากสารเคมีเป็นส่วนใหญ่ จะให้ความหวานกว่าน้ำตาลธรรมชาติถึง 200 เท่า มีรสชาติใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายแต่จะทิ้งรสขมเล็กน้อยหลังจากทาน ทั้งยังไม่ให้เกิดภาวะฟันผุและไม่กระตุ้นน้ำตาลในเลือดสูง จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในเครื่องดื่มน้ำอัดลมและคนไข้ที่เป็นโรคเบาหวาน คณะกรรมการอาหารและยาในอเมริกาได้ยอมรับสารแอสพาแตมเมื่อปี 1980 และในปี 1983 ก็ยอมให้ใช้แอสพาแตมผสมในเครื่องดื่มน้ำอัดลม ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์อาหารและยาที่มีแอสพาแตมเป็นส่วนประกอบมากถึง กว่า 6,000 ชนิดทั่วโลก สามารถใช้แทนความหวานให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้เพราะตัวแอสปาแตมไม่มีพลังงานจึงไม่มีผลทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แต่มีข้อเสียเพราะโครงสารของแอสปาร์แตมจะเปลี่ยนไปเมื่อโดนความร้อนสูงและเมื่อเก็บไว้นาน จึงไม่ควรใช้แอสปาร์แตมปรุงอาหารที่ตั้งไฟร้อนๆและไม่ควรเก็บไว้นานๆ

ถึงแม้ว่าจะแอสปาแตมจะให้พลังงานน้อยมาก แต่มีงานวิจัยเชื่อมโยงแอสปาร์เทมเข้ากับอาการปวดไมเกรนในผู้ใช้บางคน และความเป็นสารเคมีเมื่อบริโภคไปนานๆอาจให้ผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ นอกจากนี้ยังมีผลจากงานวิจัยบางตัวเชื่อมโยงกับการเกิดมะเร็งและการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ถ้าทานในระหว่างตั้งครรต์ แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตจะออกมาต้านทานโดยมีงานวิจัยที่พิสูจน์ได้ว่า แอสพาแตมไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นักวิทยาศาสตร์พวกหนึ่งโจมตีกล่าวหา แต่อย่างไรก็ตามที่อะไรมากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น เอาเป็นว่ารับประทานอย่างมีสติและใช้อย่างพอดี ไม่พึ่งพามากจนเกินไปก็ไม่เกิดผลเสีย

ซูคราโลส

มีส่วนผสมในสารทดแทนความหวานหลายชนิดหลายยี่ห้อ เป็นสารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงานเพราะใช้น้อยมาก 1 ส่วนของซูคราโลสให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายขาวประมาณ 600 เท่า ดังนั้นถ้าชงกาแฟ 1 ถ้วยถ้าใช้น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชาก็จะให้ความหวานเท่ากับซูคราโลส 0.00333 ช้อนชา (ก็คงประมาณน้ำตาลทรายขาวเพียง 5 เม็ดเท่านั้นเอง)

ซูคราโลสเป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัยถึงแม้จะเป็นเคมีแต่ก็เป็นเคมีที่ ไม่มีสารสะสมในร่างกายเนื่องจากขบวนการผลิตองค์การอนามัยโลกยอมรับเป็นทางการแล้วว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่าน้ำตาลจากธรรมชาติ เดี๋ยวนี้น้ำอัดลมบางยี่ห้อก็ใช้ความหวานจากซูคราโลสจึงโฆษณาว่าดื่มแล้วไม่อ้วน และยังนิยมใช้ซูคราโลสให้ความหวานกับขนม ชา กาแฟที่โฆษณาว่าดื่มเพื่อลดความอ้วนเพื่อสุขภาพ เป็นต้น ข้อดีของซูคราโลส คือให้ความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาล อร่อยแต่ไม่มีรสขมติดลิ้นและไม่ให้พลังงาน ละลายน้ำได้ดี ใช้ปรุงอาหารและขนมทุกชนิดที่ต้องใช้ความร้อนสูงและไม่สูญเสียความหวาน ไม่เหมือนน้ำตาลเทียมที่ใส่ได้เฉพาะกาแฟ ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดหรือระดับอินซูลิน ผู้ป่วยเบาหวานใช้ได้ตามปกติเช่นเดียวกับสารให้ความหวานอื่นๆ ไม่ทำให้ฟันผุเหมือนรับประทานน้ำตาล และเก็บรักษาเช่นเดียวกับน้ำตาล

ข้อเสียก็มีอยู่ การผลิตซูคราโลสทำโดยการเพิ่มคลอรีนเข้าไปในโมเลกุลน้ำตาล ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้กระเพาะของเราไวต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้น และอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ด้วยในบางคน นอกจากนี้สิ่งที่ควรระวังเกี่ยวกับสารเพิ่มความหวานซูคราโลสก็คือคุณธรรมของผู้ผลิต ว่าใช้ซูคราโลสจริงหรือเปล่า เพราะเห็นว่ามีบางผลิตภัณฑ์ตบตาผู้บริโภคโดยใช้แอสปาแตมแทนความหวานแต่บอก ว่าเป็นซูคราโลสก็มีไม่น้อยเช่นกัน เพราะต้นทุนการผลิตซูคราโลสมีต้นทุนสูงทำให้ราคาต่อกิโลสูงตามไปด้วย ดังนั้นควรเลือกใช้และอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนเป็นดี

หญ้าหวาน หรือ Stevia

เป็นสารแทนความหวานที่ดีที่สุดและเป็นธรรมชาติที่สุด จะให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 250 – 300 เท่า แต่ไม่ถูกย่อยให้เกิดพลังงาน จึงทำให้มีพลังงานน้อยมาก ความจริงหญ้าหวานถูกใช้เป็นสมุนไพรมาตั้งเกือบ 500 ปีแล้วแต่เพิ่งจะมีการศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจังเมื่อประมาณปี ค.ศ. 1899 และเอามาใช้เป็นสารทดแทนความหวานกันเมื่อปี 1964

หญ้าหวานจะออกรสหวานช้ากว่าน้ำตาลทรายเล็กน้อยและรสหวานจะจางหายไปช้ากว่าน้ำตาลทราย ข้อดีของหญ้าหวานก็คือสามารถแทนทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียสโดยไม่สลายตัว ดังนั้นนอกจากจะใช้ใส่ในเครื่องดื่มแล้วยังสามารถเอามาทดแทนน้ำตาลในการปรุงอาหาร ที่ต้องผ่านการหุงต้มได้อีกหลายอีกชนิด ซึ่งชนชาติญี่ปุ่นและเกาหลีก็ใ่ช้กันมานาน ทั้งในการหมักเนื้อ หมักปลา หมักผักดอง เครื่องดื่ม ก็ใช้หญ้าเป็นสารทดแทนความหวานรวมไปถึงยาสีฟันที่ลดอาการฟันผุได้ด้วย โดยสรุปแล้วหญ้าหวานน่าจะเป็นสารทดแทนความหวานที่ปลอดภัย และยังไม่มีรายงานข้อแทรกซ้อนจากการใช้ และได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) อนุญาตให้นำสารสกัด stevioside มาขึ้นทะเบียนเป็นสารหวานแทนน้ำตาลได้ อาจจะหาซื้อยากซักหน่อย แต่ตามร้านขายผลิตภัณฑ์ออแกนิคและซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำน่าจะพอหาได้

อย.เค้าฝากมา

วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลแม้จะดู ว่ามีประโยชน์และนำมาใช้แทนที่น้ำตาล เพื่อลดพลังงาน และในผู้ป่วยที่ต้องจำกัดการบริโภคน้ำตาล แต่การบริโภคในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ เพราะวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลบางชนิดนั้นไม่มีคุณค่าทางโภชนาการเลย โดยเฉพาะผู้บริโภคทั่วๆ ไป การใช้วัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาลจึงไม่ใช่ความจำเป็นแต่เป็นเพียงทางเลือก เท่านั้น ดังนั้น ถ้าท่านต้องการมีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดี ควรต้องบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่พอเหมาะ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส และพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ท่านก็จะมีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดี รูปร่างสมส่วน ได้โดยไม่ต้องพึ่งสารสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น

 

Credit: สถาบันการแพทย์แผนไทย, ittm.dtam.moph.go.th/data_all/herbs/herbal09.htm
stevia,www.docstoc.com/docs/84482312/Stevia—PDF, www.biorichsweet.com, facebook.com/sellhealthy, เอกสารเผยแพร่กระทรวงสาธารณะสุข สำนักงานอาหารและยา, Networx.com

Latest