Go to content

ประสบการณ์ลดน้ำหนักคุณใหม่ลด 52 กิโลกรัมใน1ปี4 เดือน

คุณใหม่กับประสบการณ์การลดน้ำหนักจากหนุ่มใหญ่น้ำหนัก 146 กิโลกรัม ลดลงได้ 52 กิโลกรัม ภายใน 1 ปี 4 เดือน ด้วยการปรับเปลี่ยนโภชนาการ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ และปรับแผนการการลดน้ำหนักตามสภาพร่างกาย

before-after-khun-mai

แรงบันดาลใจประจำเดือนนี้ คุณใหม่สามารถลดได้ 52 กิโลกรัมภายใน 1 ปี 4 เดือน ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คุณใหม่เล่าถึงประการณ์ของคุณใหม่ว่า

สวัสดีครับ
ผมอยากจะแบ่งปันประสบการณ์การลดน้ำหนักให้ทีมงานฟังครับ
มันเริ่มจากถึงจุดหนึ่งที่ไม่เคยชั่งน้ำหนัก ไม่เคยชอบถ่ายรูป ไม่เคยส่องกระจกดูตัวเองเลย แล้วแฟนขอร้องให้ลดน้ำหนัก เพราะกลัวเรื่องสุขภาพ และไม่อยากให้จากไปก่อนเค้า และผมก็ได้ดูรายการเกาหลี รายการหนึ่งที่มีการลดน้ำหนักภายใน 90 วัน โดยนักฟิตเนส และภายใต้การดูแลของแพทย์ ก็เลยมีความคิดว่าเราก็น่าจะทำได้นะ เพราะขนาดบุหรี่ และเหล้าที่ว่าเลิกยาก ก้ทำมาแล้ว แล้วกะอีแค่ลดน้ำหนักทำไมจะทำไม่ได้

ศึกษาหาข้อมูลเรื่องการลดน้ำหนัก

ขั้นตอนแรกก็หาข้อมูลการลดน้ำหนักที่ถูกวิธีก่อนครับ ผมได้วิธีการลดน้ำหนักที่ถูกวิธีจากทาง Lovefitt นี่แหละครับว่าการลดน้ำหนัก หรือการลดสัดส่วนที่ถูกต้องก็คือการปรับพฤติกรรมการกิน และเร่งการกระบวนการเผาผลาญไขมันด้วยวิธีการกิน รวมถึงการออกกำลังกายที่เหมาะสม

ขั้นตอนถัดมาก็มีการซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักเพื่อชั่งน้ำหนักทุกวันครับ แต่ผมจะไม่ซีเรียสกับน้ำหนักมากนัก เพราะผมต้องการดูแนวโน้มของน้ำหนักภายใน 1 เดือน ว่าลดลงมากน้อยขนาดไหน และในรอบสัปดาห์จะมีการทบทวนการกินอาหารในแต่ละมื้อครับ

ความยากของการลดน้ำหนักอยู่ที่ต้อนเริ่มต้น

เมื่อเครื่องมือพร้อม ทีนี้ก็เหลือแค่ลงมือทำ ก้าวแรกของการลดน้ำหนัก ยอมรับว่ายากจริงๆครับ จากที่ผมต้องทางแป้ง 3 มื้อ ในปริมาณที่เรียกว่าเป็นกะลังมัง ไม่ใช่จานครับ ต้องค่อยๆลดปริมาณลงจาก 5 ทัพพี เหลือ 3 ทัพพี ต่อมื้อ โดยทานเฉพาะมื้อเช้า และมื้อกลางวัน ส่วนมื้อเย็นนั้น งดแป้งไปเลยครับ โดยทางโปรตีนพวกเนื้อสัตว์ ผลไม้พวกฝรั่ง สับปะรด และกีวี ที่สำคัญครับ ผมเป็นคนชอบดื่มน้ำมาก ผมก็เลยดื่มน้ำระหว่างวันเยอะมากคือประมาณ 4-5 ลิตร ต่อวัน จากที่เคยทานอาหารเย็น แล้วไม่ได้ทาน บอกเลยว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิต ผมต้องมีวินัย ให้กำลังใจตัวเอง รวมถึงได้รับกำลังจากจากแฟนเป็นอย่างมากครับ

จากนั้นผมก็เลิกกินน้ำอัดลม ขนมถุง รวมถึงชา กาแฟใส่นมทั้งหมด ทานแต่น้ำเปล่าอย่างเดียว น้ำหนักก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เดือนแรกผมลดลงได้ 4.8 กิโลกร้ม มันเป็นความรู้สึกที่ฟินมาก และมีความสุขกับการลดน้ำหนักอย่างมาก ลืมบอกไปครับ ผมเป็นชอบเล่นกีฬาแบดมินตันมาก ช่วงระหว่างการลดน้ำหนัก ผมเล่นแบดมินตัน 2 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 2 ชั่วโมงครับ เพื่อเป็นการช่วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย อีกทั้งพยายามเดินในการทำงานระหว่างวันอีก

อุปสรรค์เรื่องน้ำหนักเริ่มนิ่ง

เมื่อลดน้ำหนักมาประมาณ 6 เดือน น้ำหนักของผมก็ลดมาได้ 20 กิโลครับ อีกเทคนิคหนึ่งของผมก็คือ ตั้งเป้าหมายใหญ่คือ ลดให้ได้ 90 กิโลกรัม แต่ซอยเป้าหมายเป็นช่วงย่อยๆ ช่วงละ 10 กิโล และพยายามที่จะลดให้ได้ 6 เดือน ต่อ 10 กิโลครับ เพราะไม่อยากเร่งตัวเองมากเกินไปจะเกิดความเครียด และผมถือคติสุขนิยมว่าระหว่างทางการลดน้ำหนัก ผมต้องให้รางวัลกับตัวเองเหมือนกัน พวกบุพเพ่ หรืออะไรเนี้ย อาจจะมีการจัดบ้าง แต่ไม่บ่อยมากและต้องวางแผนการกินด้วย และแล้วก็มาถึงอุปสรรคแรก เมื่อเราลดน้ำหนักมาระยะหนึ่ง จะเกิดการลดไม่ลง ไม่ว่าจะทำอย่างไร เพิ่มการออกกำลังกาย ลดอาหารลง ลดแป้ง ลดน้ำตาล ลดไขมัน ทานแต่ของต้ม ก็ไม่ลงครับ ผมก็เลยอ่านใน Lovefitt เจอว่าให้ใช้วิธี ซิกแซก คือกินแป้งตามปกติ เพื่อเป็นการหลอกร่างกาย ซึ่งเมื่อผมลองทำดู ปรากฏว่าใช้ได้ครับ น้ำหนักช่วงแรก ขึ้นไป 1-2 กิโล ก็เกิดอาการวิตกนิดหน่อย แต่พอกลับมาทานอาหารแบบเดิม น้ำหนักก็ลดลงมาอีกดีใจมากครับ หลังจากทำวิธีซิกแซกแล้ว น้ำหนักก็ลดลงไป 5-7 กิโลครับ แต่ก็มีช่วงหยุดนิ่งบ่อยมาก ผมก็เลยไปปรึกษานักเพาะกายและหาข้อมูลเพิ่มอีก โดยเหล่านักกล้ามสอนผมว่า วิธีการที่ถูกต้องคือการเพิ่มการเผาผลาญไม่ใช่ลด โดยสอนให้ผมซอยการกินอาหารจาก 3 มื้อใหญ่เป็น 5 มื้อใหญ่ จาก เช้า กลางวัน เย็น เป็น เช้า สาย กลางวัน บ่าย และเย็น เพื่อเร่งกระบวนการเผาผลาญ ผมใช้วิธีการทานไข่ครับ โดยทานเฉพาะไข่ขาว ส่วนไข่แดงจะทานสลับวันเว้นวัน และเริ่มออกกำลังกายโดยเน้นกล้ามเนื้อที่บริเวณพุง เพราะผมต้องการลดพุงให้แบนราบ แต่ก็ขอให้มี 6 แพ็คน้อยๆก็พอ

โดยสรุปนะครับ ผมใช้วิธีการลดน้ำหนักโดยการออกกำลังกาย ควบคู่กับการเพิ่มการเผาผลาญ และไม่ทานแป้งในมื้อเย็น รวมถึงต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเล่นแบดมินตัน ปั่นจักรยาน เดินในที่ทำงานครับ ที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ที่จะผ่านช่วงยากลำบากทั้งหลายไปให้ได้ครับ

ทางทีมงานร่วมยินดีกับความสำเร็จของคุณใหม่ที่มาถูกทางถูกวิธีการค่ะ เพราะการลดน้ำหนักมันต้องใช้เวลา และหมั่นคอยศึกษาและสังเกตุร่างกายอยู่เสมอ และปรับเปลี่ยนตามสภาพร่างกาย และต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปคิดบวกและมีความสุขในสิ่งที่เราทำ

สำหรับใครที่สนใจอยากแบ่งบันเรื่องราวประสบการณ์การลดน้ำหนักของตนเองสามารถส่งมาได้ที่ INBOX หรือทาง Email ของ LOVEFITT ได้เลยค่ะ

Latest