
แกงเลียงเป็นอาหารที่มีมาแต่โบราณ ลักษณะของน้ำแกงจะไม่ข้นหรือไม่ใสจนเกินไป มีรสเค็ม พอดี รสเผ็ดร้อนได้จากพริกไทย และมีผักเป็นส่วนผสมหลัก
ผักในแกง เลียงจะไม่เปื่อยมาก และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ใบแมงลัก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของแกงเลียง ผักที่ใช้คือ บวบ น้ำเต้า ข้าวโพดอ่อน ตำลึง ฟักทอง เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง ในสมัยก่อนแกงเลียงจะมีเนื้อสัตว์เฉพาะที่โขลกลงในน้ำแกงเท่านั้น ซึ่งเนื้อสัตว์จะทำให้น้ำแกงข้นขึ้น อาจจะใช้ได้ทั้งเนื้อปลาช่อน เนื้อกุ้งแห้ง หรือปลากรอบก็ได้ แต่ในปัจจุบันแกงเลียงไม่ได้ใส่เฉพาะเนื้อสัตว์โขลกป่นเท่านั้น แต่จะใส่เนื้อเป็นชิ้นๆลงไปด้วย เช่น กุ้งสด เนื้อไก่ฉีก เป็นต้น เครื่องแกงของแกงเลียงจะประกอบด้วย พริกไทย หอมแดง กะปิ กุ้งแห้ง หรือเนื้อปลาช่อน บางสูตรอาจมีการเพิ่มพริกชี้ฟ้าเหลืองโขลกละเอียดลงไปเพิ่มความเผ็ดด้วย แต่จะให้หอมและได้รสชาติเผ็ดร้อนเท่ากับพริกไทยคงไม่ได้
ส่วนประกอบ(สำหรับกิน 3 คน)
- เห็ดรวมหลายๆชนิดตามชอบ
- บวบเหลี่ยม 3 ถ้วยตวง
- ข้าวโพดอ่อน 2 ถ้วยตวง
- เห็ดฟาง 2 ถ้วยตวง
- ฟักทอง 2 ถ้วยตวง
- ใบตำลึง 2 ถ้วยตวง
- ใบแมงลัก 1 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 4 ถ้วย
ส่วนผสมน้ำพริก
- กุ้งแห้งโขลกละเอียด 1/4 ถ้วยตวง
- พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
- หอมแดง 1/2 ถ้วยตวง
- กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- โขลกส่วนผสมน้ำพริกเข้าด้วยกันให้ละเอียด
- นำน้ำซุปตั้งไฟให้เดือด ละลายพริกแกงกับน้ำซุป ตั้งจนเดือดใส่ฟักทอง ข้าวโพดอ่อน บวบ เห็ดฟาง ตั้งต่อจนผักสุก
- ใส่ใบตำลึง ใบแมงลัก และกุ้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลา ปิดไฟ
เคล็ดลับ
- น้ำแกงต้องไม่ข้นเป็นโคลน หอมกลิ่นพริกไทยและกะปิ
- ผักต้องสุกนุ่มแต่ไม่เปื่อย
- ใส่กระชายโขลกในน้ำพริกเล็กน้อยจะช่วยให้น้ำแกงมีกลิ่นหอมขึ้น
- ควรกินร้อนๆ
แกงเลียง 1 ถ้วยให้พลังงาน 219 kcal
Credit: หมอชาวบ้าน