ความหวานในอาหารมาจาก 2 แหล่งใหญ่ คือ น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และ น้ำตาลที่เติมเพิ่ม
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-01.jpg)
ในแต่ละวันอาหารที่เรากินมีน้ำตาลตามธรรมชาติอยู่แล้ว จึงควรหันใส่ใจดูแลปริมาณน้ำตาลที่เติมเพิ่มในอาหาร และเครื่องดื่มให้มากขึ้น โดยเฉพาะการปลูกฝังให้เด็กๆ
บริโภคน้ำตาลในปริมาณที่พอดี ดูแลเรื่องสมดุลโภชนาการ และหาเวลาทำกิจกรรมการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-02.jpg)
น้ำตาลที่เราคุ้นเคย
น้ำตาลในอาหาร เป็นสารอาหารกลุ่ม “คาร์โบไฮเดรต” ถือเป็นแหล่งพลังงานพื้นฐานของร่างกาย ร่างกายแปลงความหวานเป็นพลังงานหลักในการดำเนินชีวิต และทำกิจกรรมต่างๆ ดังนั้นหากเราเลือก และกำหนดปริมาณน้ำตาลให้พอเหมาะ ความหวานก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-03.jpg)
หวานธรรมชาติ..ดีตั้งแต่เด็ก
อาหารที่มีน้ำตาลสูงเป็นของโปรดของใครหลายคน โดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งแน่นอนความชอบอาหารหวาน และอาหารที่มีน้ำตาลสูงนั้น มักเริ่ม และถูกปลูกฝังมาตั้งแต่วัยเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กไทยติดหวาน ผู้ปกครองควรหันมาใส่ใจดูแล ลดการจัดขนม และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงให้กับเด็ก
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-04.jpg)
ทำความรู้จัก รสหวานมาจากไหน
น้ำตาลที่เราได้รับแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลักคือ น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และ น้ำตาลที่เติมเพิ่ม เช่น น้ำตาลทราย ซึ่งน้ำตาลทั้ง 2 ชนิดให้พลังงานเหมือนกัน แต่น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติ จะมีความหวานน้อยกว่า และได้ประโยชน์อื่นๆ ที่มาจากอาหารนั้นด้วย
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-05.jpg)
น้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติความหวานที่มาพร้อมประโยชน์
อันที่จริงน้ำตาลมีประโยชน์ต่อร่างกาย หากได้รับในปริมาณที่พอเหมาะพอดี การกินหวานให้ได้ประโยชน์นั้น ควรเน้นเลือกแหล่งความหวานจากธรรมชาติ เช่น ผักและผลไม้ ผลิตภัณฑ์นม ข้าว ธัญพืช มอลต์ เป็นต้น
ถึงอาหารเหล่านี้จะมีน้ำตาลที่มีอยู่ตามธรรมชาติอยู่ แต่เมื่อกินเข้าไปร่างกายจะได้รับสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์อย่าง วิตามิน แร่ธาตุ สารอาหารต่างๆ และใยอาหารเข้าไปด้วย
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-06.jpg)
ปริมาณน้ำตาลที่เติมเพิ่มในแต่ละวัน
อาหารที่เรากินส่วนมากนั้น จะมีน้ำตาลผสมอยู่แล้ว โดยน้ำตาล 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 kcal จึงควรลดการเติมความหวาน ลดการปรุงน้ำตาลเพิ่มในอาหาร และเครื่องดื่ม
โดยพยายามกำหนดน้ำตาลที่เติมเพิ่มให้ไม่เกิน 4 ช้อนชา สำหรับเด็ก และไม่เกิน 6 ช้อนชา สำหรับผู้ใหญ่
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-07.jpg)
อ่อนหวาน ลดโรค ลดความเสี่ยง NCDs
การกินอาหารที่มีความหวานมากเกินไป เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคในกลุ่ม NCDs
เนื่องจากปริมาณน้ำตาลที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการนั้น จะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมัน ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น และอ้วนในที่สุด
ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น
![](https://www.lovefitt.com/system/wp-content/uploads/2019/03/lovefitt-milo-nosugar-img-08.jpg)
เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ อ่อนหวานก็แข็งแรงได้
นอกจากการลดการเติมน้ำตาลในอาหาร และเครื่องดื่มแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตอื่นๆ ก็เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และห่างไกลโรคได้
โดยการดูแลเรื่องโภชนาการ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน ในปริมาณที่พอเหมาะ
หมั่นเคลื่อนไหวร่างกาย ใช้ชีวิตให้กระฉับกระเฉง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และต้องไม่ลืมที่จะพักผ่อน นอนหลับอย่างเพียงพอ หากปฏิบัติได้ตามนี้สุขภาพดีๆ ก็จะตามมา