อีกหนึ่งตัวอย่างความพยายามในการลดน้ำหนัก คุณตูน จากหนุ่มน้ำหนักเกินร้อย ร่างกายและสุขภาพเริ่มแย่ ผลพวงจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป จนทำให้คุณหมอต้องออกปากเตือน และสั่งลดน้ำหนักโดยด่วน วันนี้คุณตูนเปลี่ยนตัวเองจนกลายเป็นเป็นหนุ่มสุขภาพดี รักการออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจได้อย่างไร
คุณตูนเล่าให้ทาง LOVEFITT ฟังว่า สวัสดีครับผมชื่อ รัฐพล นะครับ ชื่อเล่น ตูน อายุ 23 ปีนะครับ
ผมขอเล่าถึงประสบการณ์การลดน้ำหนักครั้งที่ยี่สิบกว่าๆในชีวิต (เท่าไรไม่รู้จำไม่ได้ อิอิ) แต่ครั้งนี้คิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ลดแล้วครับ อย่างที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นครับผมลดน้ำหนักมาบ่อยมากๆ แต่ทุกครั้งก็จะลดโดยวิธีการอดข้าวเอา ซึ่งมันลดได้จริงครับ แต่ลดได้แค่แป๊บเดียว ก็หลุดกลับไปกินอย่างเดิม แถมกินหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ จนน้ำหนักพุ่งทะยานมาแตะ ที่ 113-115 กิโลกรัม คร่าวๆประมาณนี้ครับ เพราะชั่งครั้งสุดท้ายแล้วก็ไม่กล้าชั่งอีกเลย กลัวมาก
หมอไม่จ่ายยาสั่งลดน้ำหนักด่วน
เหตุผลหลักที่ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาลดน้ำหนักจริงจังคือ ผมเป็นโรคครับ เป็นโรคปวดหลัง คือนั่งเก้าอี้ได้ไม่เกิน 10 นาทีก็ต้องลุก จะงอตัวเก็บของก็ไม่ได้ปวดหนักมากครับ ไปหาคุณหมอก็ไม่จ่ายยาให้ แล้วแนะนำให้ผมไปลดน้ำหนักแทน เพราะถึงจ่ายยามา ก็ช่วยบรรเทาอาการได้แค่ไม่กี่วัน แถมถ้ายังไม่ลดน้ำหนักปล่อยไปอย่างนี้เรื่อยๆ มีโอกาสจะเป็นอัมพาตครับ หมอขู่แบบนี้ ผมก็กลัวขึ้นสมองเลยครับ ต้องขอบคุณ คุณหมอที่วันนั้นไม่จ่ายยาให้ผม ถ้าจ่ายยาผมก็คงไม่คิดจะลดน้ำหนักแน่นอนครับ 5555
ตั้งใจว่าจะลดเป็นครั้งสุดท้าย
ผมเริ่มลดรอบแรกเมื่อเดือน มกราคม 2558 ตั้งใจเลยว่าจะลดอย่างจริงจังอีกครั้ง ผมแบ่งการลดน้ำหนักเป็นสองช่วงนะครับ ช่วงแรกของการลด ผมใช้วิธีการลดโดยไม่ทานของทอด กับทานให้น้อยที่สุดก็คล้ายรอบที่เคยผ่านๆมา แต่ในช่วงนั้นผมทำงานลักษณะแบบเดินๆ วิ่งๆ ซะส่วนใหญ่ เลยเหมือนเป็นการ cardio ไปในตัว
แต่วิธีแบบนี้ผมไม่แนะนำนะครับ เพราะว่าการอดหรือกินน้อยๆ มันเป็นการลดที่ผิดมากๆ ทำแบบนี้อยู่ประมาณ 2 เดือนเศษๆ น้ำหนักลงมาอยู่ที่ 103 ครับ เท่ากับหายไป 10 กิโลกรัม แล้วก็ค้างนิ่งยาวเลย ไม่ขึ้นไม่ลงมาจนถึงเดือนตุลาคม 58 ครับ ช่วงนี้แหละครับคือการลดน้ำหนักครั้งสุดท้ายในชีวิตผมจริงๆ
ช่วงที่สองของการลดเป็นช่วงต้นเดือนตุลาม 2558 ครับ ครั้งนี้วิธีการลดของผมคือ ผมเริ่มหาวิธีการออกกำลังกาย ลดน้ำหนักที่ถูกวิธีแล้วครับ ก็ลองหาข้อมูลจากหลายๆเว็บไซต์ แต่ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุดก็มาจาก LOVEFITT นี้แหละครับ เป็นเหมือนครูของผมในการลดน้ำหนักครั้งนี้จริงๆ
กินดีกินของมีประโยชน์และออกกำลังกาย
วิธีในการลดน้ำหนักครั้งนี้ก็คือ ทานแต่ของดีมีประโยชน์ครับ เรียกได้ว่าคลีนจ๋าๆเลยครับ เช่น ข้าวกล้อง อกไก่ ไข่ต้ม ผักต้มครับ ทานแบบนี้ทุกวันครับ แรกๆก็ทรมาณนิดนึงครับ เพราะเราคุ้นเคยกับอาหารประเภททอดๆ ผัดๆ ของไม่มีประโยชน์อย่างน้ำอัดลม ขนมห่อ ฟาสต์ฟู้ด หักดิบไม่แตะเลยครับ เราต้องสตรองไว้ครับ แล้วก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายผมเลือกที่ การวิ่ง การปั่นจักรยาน และซิทอัพครับ ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ช่วงเช้าผมจะทำเวลาให้ได้ประมาณ 45-60 นาทีครับ ประมาณ 4-5 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ ส่วนช่วงเย็นจะทำเวลาให้ได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ บวกลบได้ 10-20 นาที 6 วัน ต่อ 1 สัปดาห์ครับ (แต่จะเน้นเป็นการวิ่งซะส่วนใหญ่นะครับ) หยุดแค่วันอาทิตย์วันเดียว จนตอนนี้ผมเป็นคนประเภทติดการออกกำลังกายไปแล้วครับ มีความสุขไปกับมันครับ แล้วมันจะประสบความสำเร็จได้ง่ายครับ อ้อ อย่าลืมซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักติดบ้านไว้นะครับ มีประโยชน์มากมายจริงๆครับ
ร่างใหม่จากผลของความตั้งใจ
ผมทำแบบนี้อยู่ประมาณ 3 เดือนนิดๆครับ จนตอนนี้ผมได้ร่างกายใหม่แล้ว ร่างกายที่ไม่เป็นภูมิแพ้ ร่างกายที่ไม่เหนื่อยง่าย วิ่งได้ 50-60 นาทีได้อย่างสบายๆ แข็งแรงขึ้นมากมายครับ (แต่ก่อนแค่เดิน 5 นาทีก็หอบแฮ่กๆแล้วครับ) ร่างกายที่หาเสื้อผ้าใส่ได้สะดวกมากครับ (แต่ก่อนผมใส่ได้แค่ไซส์ xxl , xxxl เอว 43-44 )
ปัจจุบันผมใส่เสื้อไซส์ L ได้หลวมๆเลยครับ กางเกงก็เปลี่ยนมาเป็นไซส์ 34 ใส่อย่างสบายไม่อึดอัดครับ ปัจจุบันผมน้ำหนัก 69 จาก 113-115 ครับ ลดมาประมาณ 44-46 กิโลกรัม รวมระยะเวลาในช่วงแรกก็จะใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ครับ แต่…ผมก็ยังไม่หยุดเท่านี้นะครับ ผมตั้งเป้าหมายระยะยาวให้ตัวเองไว้ 66-68 กิโลกรัม แต่ครั้งนี้ผมจะใช้วิธีการเวทเทรนนิ่งเข้ามาร่วมด้วยครับเพื่อที่ร่างกายจะได้ดูเฟิร์มมากกว่าเดิมครับผม
อุปสรรคคือเกมส์ที่ท้าทาย เอาไว้ทดสอบจิตใจ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าการลดน้ำหนักอยู่ที่ใจล้วนๆครับ และ การลดน้ำหนักต้องใช้การลดที่ถูกต้องนะครับ ผมก็อ่านจาก LOVEFITT นี้แหละครับ เป็นข้อมูลสำหรับคนรักสุขภาพและคนอยากลดน้ำหนักได้ดีมากๆครับ ถ้าถามผมว่าอุปสรรคเยอะไหม ผมตอบเลยว่าเยอะครับ แต่มันก็เหมือนกับเกมที่เอาไว้ทดสอบจิตใจครับ ว่าเราจะทนได้ไหม ถ้าเจอปัญหา อุปสรรคก็อย่าท้อครับ เข้ามาหาข้อมูลใน LOVEFITT นี้เลยครับ ผมหวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆในการลดน้ำหนักนะครับ ขอบคุณ LOVEFITT มากๆครับผม
ทางทีมงาน LOVEFITT ต้องขอขอบคุณ คุณตูน เช่นกันที่เข้ามาแบ่งบันประสบการณ์และแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่กำลังท้อ หรือกำลังพยายามหนักอยู่ ให้ได้ความรู้และกำลังใจดีๆ และทาง LOVEFITT เองขอเป็นกำลังใจให้กับคุณตูนขอให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้นะคะ ขอบคุณจากใจจริงๆ
เรียบเรียง: lovefitt.com
Credit: คุณตูน รัฐพล (Rattapon Toon)
