วัฒนธรรมการกินเจ เกิดขึ้นมานานกว่า 400 ปี และยังถือเป็นธรรมเนียมปัฏิบัติในหมู่คนไทยเชื้อสายจีนมาจนถืงปัจจุบัน โดยจะยึดเอาวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี (ตรงกับช่วงเดือนตุลาคมของปฏิทินสากล) ร่วมกันถือศีล ภาวนา เข้าวัด ทำบุญ กินอาหารที่มาจากพืช ผัก ผลไม้ และไม่กินเนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ และผักต้องห้าม 5 ชนิด เพื่อทำร่างกาย และจิตใจให้สะอาดบริสุทธ์ เป็นการสร้างบุญกุศลตามความเชื่อทางศาสนา

นอกจากความเชื่อเรื่องบุญกุลศลต่างๆ แล้ว เอาจริงๆ การกินเจ ถือเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอยู่ไม่น้อยเลยนะ เพราะในความเชื่อตามหลัก ‘การบำรุงธาตุในร่างกาย’ การงดเว้นเนื้อสัตว์ หันมากินผัก และพืชแทน ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย ให้เกิดความสมดุล เลือดลมไหลเวียนดี การขับถ่ายของเสียดี ซึ่งสอดคล้องกับประโยชน์ทางการแพทย์ และโภชนาการในแผนปัจุบัน ที่การกินเจ ก็เหมือนได้ทำการ Detox ร่างกาย ล้างพิษด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งพืช ผัก ผลไม้ เป็นอาหารที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ มีส่วนช่วยลดการทำงานหนักของระบบย่อยอาหาร และยังมีกากใย ที่ช่วยทำความสะอาด ล้างลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ
นอกจากนี้ ในผักและผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ที่ช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยลดความเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย ที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ( NCDs ) ได้อีกทาง
กินเจยังไง ให้ประโยชน์แบบตะโกน
- อาหารเจทุกมื้อต้องครบ 5 หมู่ ไม่เน้นแต่กินผักเท่านั้น
- ต้องได้โปรตีนอย่างเพียงพอ เลือกกิน เต้าหู้ ถั่ว ธัญพืช หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์เจ
- เน้นกินข้าวกล้องเป็นหลัก เพราะมีสารอาหาร และกากใยสูง
- ล้างผักให้สะอาด ให้ปราศจากสารเคมี สิ่งปนเปื้อน
- ไม่กินอาหารที่มีแป้ง และน้ำตาลมากเกินไป เพราะจะทำให้ได้รับพลังงานเกินความจำเป็น
- เลือกอาหารรสชาติกลางๆ ไม่ หวาน มัน เค็ม จนเกินไป
- หลีกเลี่ยง เมนูทอดน้ำมันท่วม และเมนูผัดที่มีไขมันสูง
ช่วงกินเจ ก็ยังสามารถออกกำลังกายได้นะ หมั่นเคลื่อนไหวร่างกาย ออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ เป็นการช่วยเผาผลาญพลังงาน ช่วยควบคุม รักษาสมดุล และรักษาน้ำหนัก รูปร่างเอาไว้ ผ่านช่วงเจได้สบาย พุงไม่ถามหาแน่นอน